สมัครเล่นบาคาร่าออนไลน์ สมัครสมาชิกบาคาร่าออนไลน์มีทีมงานดูแลตลอด 24 ชม.

สมัครเล่นบาคาร่าออนไลน์ สมัครสมาชิก ทีมงานดูแลตลอด 24 ชม

Seagate

Seagate จะทำฮาร์ดดิสก์ความจุ 30TB ในเทคโนโลยี HAMR พร้อมเปิดตัวปีนี้แน่นอน

Seagate จะทำฮาร์ดดิสก์ความจุ 30TB ในเทคโนโลยี HAMR พร้อมเปิดตัวปีนี้แน่นอน

Seagate ผู้ผลิต Hard Disk รายสำคัญของโลก เตรียมเปิดตัวฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ขนาด 3.5 นิ้วที่ใช้เทคโนโลยีบันทึกแบบ CMR/PMR ในความจุ 22TB และ SMR ในความจุ 24TB คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2023 นี้

แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ Hard Disk ที่มีความจุมากกว่า 30TB จะรองรับเทคโนโลยี HAMR หรือ Heat-Assisted Magnetic Recording ซึ่งจะเป็นกระบวนการเขียนข้อมูลบนแถบแม่เหล็กด้วยความร้อนจากแสงเลเซอร์ โดยลดขนาดของพื้นที่แม่เหล็ก และเพิ่มความหนาแน่ของบิดได้ และเพิ่มความเสถียรภาพทางแม่เหล็ก ได้ดี โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือน กรกฎาคม 2023

Seagate

ทั้งนี้ Hard Disk ทั้งหมดจะเน้นกลุ่มเก็บข้อมูลหรือ Server เป็นหลัก และลุ้นกันต่อไปว่าจะได้วางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยหรือไม่

อ่านข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ยกระดับอีกขั้น! สหรัฐฯ สร้างบ้าน 2 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

ยกระดับอีกขั้น

ยกระดับอีกขั้น! สหรัฐฯ สร้างบ้าน 2 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

ยกระดับอีกขั้น! สหรัฐฯ สร้างบ้าน 2 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

การผลิตสิ่งปลูกสร้างด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แถมยังพัฒนาขึ้นมาอีกขั้น เมื่อสหรัฐฯ สร้างบ้าน 2 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ขนาดยักษ์ได้แล้ว

เครื่องพิมพ์ 3 มิติช่วยยกระดับการสร้างบ้านไปสู่ระดับใหม่ โดยการใช้เครื่องพิมพ์ขนาดมหึมาที่มีน้ำหนักมากกว่า 12 ตันในการสร้างบ้าน 2 ชั้นที่พิมพ์ 3 มิติหลังแรกในสหรัฐฯ

เครื่องพิมพ์ดังกล่าวส่งเสียงฮัมออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่มันพิมพ์ชั้นคอนกรีตออกมาเพื่อสร้างบ้านขนาด 4,000 ตารางฟุตในนครฮิวสตัน รัฐเท็กซัส

เลสลี ล็อก (Leslie Lok) นักออกแบบบ้านซึ่งเป็นสถาปนิกผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอออกแบบบ้าน แฮนนาห์ (Hannah) กล่าวว่า การก่อสร้างบ้านขึ้นมา 1 หลังจะต้องใช้เวลาทั้งหมด 330 ชั่วโมงในการสร้างขึ้นจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ และว่า “คุณสามารถพบอาคารที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติได้มากมายในหลาย ๆ รัฐของอเมริกา”

อย่างไรก็ตาม การสั่งพิมพ์อาคารชั้นที่สองนั้นมีความท้าทายต่าง ๆ มากมายเช่น ความท้าทายด้านโครงสร้าง และความท้าทายด้านการขนส่งอื่น ๆ เป็นต้น

ยกระดับอีกขั้น

เธอบอกด้วยว่า บ้านแบบ 3 ห้องนอนที่มีโครงหลักเป็นไม้นั้นสร้างเสร็จไปได้ครึ่งทางแล้ว และกำลังขายให้กับครอบครัวหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม

โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัทออกแบบ Hannah บริษัทก่อสร้างด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ Peri 3D Construction และบริษัทวิศวกรรมก่อสร้าง Cive

ฮิคแมท เซอร์เบ (Hikmat Zerbe) หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโครงสร้างของ Cive หวังว่าเทคนิคที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้จะสามารถช่วยสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัวได้อย่างรวดเร็วและมีราคาถูกลงได้ในอนาคต

นอกจากนี้แล้ว คอนกรีตยังมีความทนทานต่อพายุเฮอริเคน พายุรุนแรง และสภาพอากาศเลวร้ายอื่น ๆ ในเท็กซัส ซึ่งเกิดบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศผิดธรรมชาติ

และเนื่องจากเครื่องพิมพ์นี้ทำหน้าที่ยกของหนัก ๆ เองทั้งหมด ตามไซต์ก่อสร้างจึงพึ่งพาคนงานกันน้อยลง

เซอร์เบกล่าวต่อไปอีกว่า “การก่อสร้างแบบดั้งเดิมนั้น ทุกคนรู้กฎ รู้เกม รู้จักคุณสมบัติของวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ แต่การสร้างบ้านจากเครื่องพิมพ์สามมิตินี้เป็นเรื่องใหม่ วัสดุก็เป็นของใหม่ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วคอนกรีตจะเป็นวัสดุที่ใช้มานานแล้ว แต่การใช้คอนกรีตจากการพิมพ์ 3 มิติยังถือเป็นเรื่องใหม่อยู่ในขณะนี้”

อ่านข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ใต้ผิวดาวอังคารยุคโบราณ อาจเต็มไปด้วยจุลินทรีย์มีชีวิต

เทคโนโลยี

ใต้ผิวดาวอังคารยุคโบราณ อาจเต็มไปด้วยจุลินทรีย์มีชีวิต

ใต้ผิวดาวอังคารยุคโบราณ อาจเต็มไปด้วยจุลินทรีย์มีชีวิต

เทคโนโลยี

รายงานการศึกษาด้านอวกาศชิ้นหนึ่งโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยออกมาเมื่อต้นเดือนตุลาคมระบุว่า ดาวอังคารในยุคโบราณอาจมีโลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ขนาดเล็กมาก ซึ่งนักวิจัยชี้ว่า หากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีอยู่จริง ก็น่าจะเปลี่ยนแปลงชั้นบรรยากาศไปอย่างสิ้นเชิงจนอาจก่อให้เกิดยุคน้ำแข็งบนดาวอังคาร และนำไปสู่การจบชีวิตของพวกมันในที่สุด บอริส ซอเทอเรย์ หัวหน้าทีมการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตพื้น ๆ อย่างจุลินทรีย์ “อาจทำให้ตัวมันเองตาย” และว่า รายงานชิ้นนี้ “ดูค่อนข้างหมดหวัง แต่ผมคิดว่า ก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจติดตามอยู่ … ข้อมูลพวกนี้ท้าทายให้พวกเราลองคิดดูใหม่เกี่ยวกับวิถีที่โลกของสิ่งมีชีวิตและดาวเคราะห์หนึ่ง ๆ มีปฏิสัมพันธ์กัน” ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy ซอเทอเรย์และทีมของเขากล่าวว่า ได้ใช้แบบจำลองสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศเพื่อประเมินความสามารถในการอยู่อาศัยบนเปลือกของดาวอังคารเมื่อประมาณ 4 พันล้านปีก่อน โดยเชื่อว่าในตอนนั้นดาวอังคารเต็มไปด้วยน้ำและมีสภาพที่เป็นมิตรต่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่าในปัจจุบัน พวกเขาคาดการณ์ว่า ในตอนนั้น จุลินทรีย์ที่อาศัยไฮโดรเจนเพื่อดำรงอยู่และปล่อยก๊าซมีเทนออกมาอาจจะอาศัยอยู่ใต้พื้นผิวดาวอังคารที่ความลึกลงไปราวหลายสิบเซนติเมตร ที่ถูกปกคลุมด้วยสิ่งสกปรกต่าง ๆ และน่าที่จะมากพอในการช่วยป้องกันพวกมันจากกัมมันตภาพรังสีต่าง ๆ โดยซอเทอเรย์มองว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้น่าที่จะจับกลุ่มกันอยู่ในทุกจุดบนดาวอังคารที่ปราศจากน้ำแข็ง เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกในยุคแรก ๆ